กัมพูชา ยืนยันเดินหน้าร่วมศึกซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทย แม้จะมีกระแสบอยคอตจากฝั่งไทย โดยเตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วมกว่า 1,500 คน ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียยังไม่ตัดสินใจร่วมศึก เหตุกังวลเรื่องความปลอดภัยท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง

กระแสข่าวการเมืองระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งจิตวิญญาณของนักกีฬาจากแดนเขมรได้ หลังจากสื่อดังของกัมพูชาอย่าง The Phnom Penh Post รายงานว่า ประเทศยังคงเดินหน้าเก็บตัวและเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อเข้าร่วมมหกรรมกีฬาแห่งอาเซียน “ซีเกมส์ ครั้งที่ 33” ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568
ฝ่ายกีฬากัมพูชายืนยันว่า นักกีฬาทั้งหมดกว่า 1,500 คนจากหลากหลายประเภทกีฬา ยังคงอยู่ในช่วงเก็บตัวฝึกซ้อม และไม่มีแผนถอนตัวจากการแข่งขัน โดยแสดงจุดยืนชัดเจนว่า “กีฬาไม่ควรถูกแทรกแซงด้วยการเมือง”
เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา “บิ๊กแนต” พล.ต.อ. ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ประธานมนตรีซีเกมส์ ออกมาให้สัมภาษณ์ตอบโต้กระแสเรียกร้องให้ถอดกัมพูชาออกจากการแข่งขัน โดยย้ำว่าตามกฎบัตรโอลิมปิก “ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ ไม่มีสิทธิ์แบนหรือห้ามชาติใดเข้าร่วมการแข่งขัน” เว้นแต่จะมีบทลงโทษอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานระดับนานาชาติ
กระแสดังกล่าวเริ่มต้นจากคำกล่าวของนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่เปิดเผยว่า กำลังหารือกับชาติอาเซียนบางประเทศถึงความเป็นไปได้ในการไม่ให้กัมพูชาเข้าร่วมซีเกมส์ในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียก็เป็นอีกหนึ่งชาติที่ยังไม่ยืนยันการเข้าร่วมการแข่งขัน โดย อาริโอ บิโม นันดิโต หรือ “อาริโอเทดโจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬาของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯ และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติอินโดนีเซีย (NOC) กำลังจับตาสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชาอย่างใกล้ชิด
“ความปลอดภัยของนักกีฬาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เรายังไม่สามารถตัดสินใจขั้นสุดท้ายได้จนกว่าสถานการณ์จะชัดเจน” – อาริโอเทดโจ กล่าว
แม้จะยังไม่ฟันธงเรื่องการส่งนักกีฬาเข้าร่วม แต่การเตรียมความพร้อมในประเทศอินโดนีเซียยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง มีนักกีฬาจากหลายสาขาที่เข้าค่ายฝึกซ้อม เพื่อรอลุ้นการตัดสินใจในโค้งสุดท้าย
การประชุมระหว่าง 11 ชาติสมาชิกซีเกมส์จะมีขึ้นในวันที่ 20–21 สิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดตัดสินใจสำคัญของหลายประเทศ โดยมีเป้าหมายให้การแข่งขันยังคงยึดมั่นในหลักของ “กีฬาเพื่อสันติภาพ”